คือมีปัญหาน่ะค่ะ
จะเข้าไปดูโครงสร้างฐานข้อมูลของเราต้องเข้ายังไงอ่ะค่ะ กรุณาด้วยน่ะค่ะ
ถ้าใช้ MySQL ก็ติดตั้ง PHPMyAdmin ดาวน์โหลดได้จาก www.phpmyadmin.net
หรือถ้าใช้ฐานข้อมูลอื่น ก็ใช้ Tools ของฐานข้อมูลนั้น ๆ ครับ
ค่ะคือจะหาวิธีเข้าหน้าที่ส่งรูปมาเนี่ยค่ะ
ถ้าlocalhost แล้วก็จะเข้าหน้าเว็บน่ะค่ะ ใช้เวอร์ 1.9 ค่ะ
แสดงว่าติดตั้ง Moodle ไว้ที่ localhost หรือ 127.0.0.1 ใช่ไหมครับ
สมมติว่าติดตั้ง Moodle ไว้ที่ c:\apache\htdocs นะครับ เวลาติดตั้ง phpmyadmin เพิ่มเข้าไปก็อาจจะเก็บไว้ใน c:\apache\htdocs\phpmyadmin
เวลาเข้าผ่านทางเว็บก็ใช้ http://localhost/phpmyadmin หรือ http://127.0.0.1/phpmyadmin/ ครับ
เออรบกวนด้วยน่ะค่ะ หนูก็ใหม่กับเรื่องนี้อ่ะค่ะ
แต่ ในmoodle 1.9 ที่ดาว์โหลดมาก็มีตัว phpmyadmin
มาด้วยแล้วไม่ใช่เหรอค่ะ
พอจะโหลดไปใส่ไว้แล้วจะติดตั้งยังไงอ่ะค่ะ
เนี่ยค่ะ พอจะ install moodle ก็จะมีไฟล์ ตารูปน่ะค่ะ
พอเวลาเลือกเนี่ยใช่ตามนี้หรือปล่าว
ที่เคยเลือกตามนี้เนี่ยก็ใช้ได้ทุก ๆ อย่างน่ะค่ะ
แต่ติดที่ว่าเข้าไปดูฐานข้อมูลที่เป็นปัญหาอยู่ตอนนี้ไม่ได้
และก็สำคัญมากด้วย
รบกวนด้วยน่ะค่ะ แล้วก็ขอบคุณมาก ๆ ด้วย ที่ช่วยมาตอบให้
Moodle ไม่ได้แถม PHPMyAdmin มาให้ครับ แต่ XAMPP (Apache, MySQL, PHP, Perl) ที่คุณติดตั้ง เขาแถม PHPMyAdmin มาให้ด้วย ผมขอเพิ่มเติมนิดนึงละกันครับว่า XAMPP เขาแถมอะไรมาให้บ้าง
XAMPP ที่ทำงานบน Microsoft Windows จะประกอบด้วย
ต่อมาคือเรื่อง Configuration ของ XAMPP ซึ่งโดยปกติแล้วข้อมูลเว็บจะอยู่ใน c:\server\htdocs คุณสามารถหาที่อยู่ของข้อมูลเว็บได้โดยหาไฟล์ชื่อ httpd.conf ซึ่งอาจจะอยู่ใน c:\server\apache\conf\httpd.conf แล้วเปิดขึ้นมาด้วย Notepad ก็ได้ หาคำว่า ServerRoot ว่าตั้งค่าให้ Directory ไหนเก็บข้อมูลเว็บ
สมมติว่า Directory เก็บข้อมูลเว็บเป็น c:\server\apache\htdocs คุณก็ติดตั้ง Moodle โดยการ Unzip ลงไปที่ c:\server\apache\htdocs เลย จากนั้นเข้าผ่าน Web Browser ไปที่ http://localhost ก็จะได้หน้าจอเหมือนกับที่คุณคัดลอกมาให้ดู
สำหรับ phpmyadmin ก็น่าจะอยู่ที่ c:\server\apache\htdocs\phpmyadmin เวลาเรียกใช้ก็เป็น http://localhost/phpmyadmin
** ไม่ทราบว่าวิธีนี้ช่วยแก้ปัญหาได้ไหมครับ
** เนื่องจากผมไม่เคยเห็นรูป Start Moodle และ Stop Moodle ตามรูปของคุณมาก่อน ผมขอทราบเพื่อเป็นวิทยาทานหน่อยได้ไหมครับ ว่าคุณดาวน์โหลด Moodle มาจากที่ไหน
อ่าค่ะ ขอบคุณค่ะ เด๋วจาลองทำดู
อืมที่เห็นก็จากในเว็บของเราเนี่ยล่ะค่ะ
ตัว start moodle
พอเรากดปุ๊ป แล้วพิม localhost ก็ ลงมูดเดิล ได้เลยค่ะ
และเวลาจะใช้ด้วย
stop moodle ใช้ตอนทำงานเสร็จค่ะก็กด แล้วพวกฐานข้อมูลอะไรต่าง ๆ ก็จะหยุดทำงานด้วย
ค่ะแต่ htdocs ไม่มีอยู่ใน apache น่ะสิค่ะ
แต่อยู่ใน server/moodle/lib/magpie/htdocs
เลยงงอีกหลายตลบ
งงเหมือนกันครับ ^_^!
ดูแล้ว ServerRoot ในเครื่องน่าจะตั้งเป็น c:\server\moodle แน่เลยครับ ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ต้องติดตั้ง PHPMyAdmin ลงใน c:\server\moodle แทนครับ
ส่วน MagPie ก็เป็น Open Source ตัวหนึ่งที่ Moodle เลือกมารวมน่ะครับ เป็นโปรแกรมที่พัฒนาขึ้นจากภาษา PHP เพื่อทำ RSS
คือหนูหาวิธีได้ล่ะค่ะ โฮ เซิรท์จากในเนี่ยล่ะค่ะ แต่เป็นหน้าภาษาอังกิต เราโหลด phpmyadmin จากในเนี่ยค่ะ
แล้วนำไปใส่ไว้ใน โฟเดอร์ moodle/admin
เค้าจะมีวิธีอยู่น่ะค่ะ แล้วเราก็สามารถเปิดได้ทาง หน้าเว็บโดยจะมีเมนูขึ้นใหม่ คือ database หรือเข้าทาง localhost/admin/phpmyadmin ค่ะ
เห้อหนูก้ออ่านตาแฉะกันไป
ขอบคุณอีกครั้งน่ะค่ะ
อ้อ .. อย่างนี้นี่เอง ผมก็เพิ่งทราบครับว่า Moodle มี Module/Plugin ตัวนี้ให้ด้วย ปกติเข้าไปดู Module/Plugin แปลก ๆ อย่างเดียว
สรุปว่าที่ผ่านมาผมเข้าใจผิดน่ะครับ คิดว่าไปดาวน์โหลด PHPMyAdmin มาจากเว็บไซต์ผู้พัฒนา ไม่ใช่เว็บไซต์ของ Moodle ก็เลยตอบไม่ตรงประเด็นสักเท่าไหร่ ทำให้คุณต้องเสียเวลาไปหลายวัน ผมต้องขอแสดงความเสียใจเป็นอย่างยิ่งครับ
สุดท้ายขอเสริมนิดนึงครับว่า คนที่ดาวน์โหลดไปติดตั้งผิด Folder ก็มีหลายคนเหมือนกัน ทาง Moodle คงจะต้องเขียนอธิบายตรงนี้ให้ยาวอีกนิดนึง
อ่าค่ะไม่เป็นไร
แต่ moodle ก็น่าอธิบายจิง ๆ นะค่ะ
ที่พยายามเข้า PHPMyAdmin เนี่ย ไม่ทราบว่าต้องการข้อมูลอะไรจากฐานข้อมูล Moodle เหรอครับ
อ่าค่ะ คือนุ้ยทำโปรเจคน่ะค่ะ เลยต้องเปิดฐานข้อมูลให้อาจารย์ท่านดู
และอ. ก็อยากให้อัพจากฐานข้อมูลแล้วโชว์ที่หน้าเว็บอีกด้วย
เห้อกำลังจี๊ด ๆ ในหัวเลยค่ะ จะเขียนเองก็ไม่ถนัดซะด้วย
ขอโทษน่ะค่ะวันนี้ออกแนวบ่นล้วน ๆ เลย
อ่าค่ะ ขอบคุณน่ะค่ะสำหรับการรับฟัง
นุ้ยนี่คงยังไม่ได้ครึ่งของคุณเลยมั้งค่ะ เพราะยังไม่ค่อยได้ให้เวลากับมันนัก ส่วนมากจะเน้นไปทางตัวบทเรียน
ว่าแต่อย่างถ้าอัพคอสเรียนในฐานข้อมูลเนี่ย ใน mdl_cours หรืออัพข้อสอบเนี่ยยังต้องอ้างอิงถึงตารางอื่น ๆ ด้วยใช่มั้ยค่ะ แล้วสำหรับความสัมพันธ์ของแต่ละตารางนี่เราจะหาจากในนี้ได้รึปล่าวค่ะ
ผมเคยไปสัมมนาที่ต่างประเทศมา งานไหน ๆ ก็สรุปภาพรวมของสื่อ Electronic ว่าประกอบด้วย System, Infrastructure, Content อย่างเช่น Moodle จะเป็น System และเนื้อหาที่ทำก็เป็น Content ส่วน Infrastructure ก็คือ การส่ง Content ออกจาก System ไปยังผู้เรียน
เขาบอกว่าในบางประเทศที่อินเตอร์เน็ตไม่เร็ว การพัฒนา Content ก็จะมีข้อจำกัดด้วย ถ้า Content ในแต่ละบทมีขนาด 5 MB แล้ว Infrastructure ใช้การส่งข้อมูล 20 นาที ผู้เรียนก็อาจเกิดความรู้สึกไม่อยากเรียนขึ้นมาก็ได้ แต่ในประเทศที่อินเตอร์เน็ตมีความเร็วสูง Content ก็ควรพัฒนาไปเป็นแบบ High Definition เพื่อให้ผู้เรียนได้ประสบการณ์ใหม่ ๆ เหมือนกับได้สัมผัสสิ่งนั้นจริง ๆ
อย่างไรก็ลองพิจารณาปัจจัยเหล่านี้ด้วยนะครับ ไม่ต้องกลัวว่าจะทำออกมาแล้วจะถูกหรือผิด มันเหมือนการทำอาหารน่ะครับ เวลาต้มมาม่า (Content) บางคนใช้ชาม บางคนใช้หม้อหุงข้าว (System) บางคนใช้ไฟแรง บางคนใช้ไฟอ่อน (Infrastructure) ผลลัพธ์ที่ออกมาก็เป็นมาม่าเหมือนกันล่ะครับ ถ้าผลลัพธ์ออกมาอร่อย เขาก็ชมว่ามีฝีมือปลายจวัก ถ้าผลลัพธ์ออกมาไม่ดี ก็ปรับปรุงใหม่ได้ ไม่มีใครคาบมาม่าออกมาตอนเกิดหรอกครับ หรือดูอาหารถิ่นก็ได้ครับ อาหารใต้รสชาติรุนแรง พอมาอยู่ภาคกลาง รสชาติจะอ่อนลงให้เหมาะสมกับคนภาคกลาง หรืออย่างอาหารนานาชาติ เช่น ก๋วยเตี๋ยวหรืออาหารญี่ปุ่น รสชาติที่อยู่ในประเทศไทยก็ไม่เหมือนกับรสชาติต้นตำรับนะครับ
การทำเนื้อหาวิชาจะอาศัย mdl_course, mdl_course_category, mdl_course_modules, mdl_course_sections เป็นหลักครับ โดย mdl_course จะเก็บชื่อวิชา, รหัสวิชา, รายละเอียดวิชา, รูปแบบรายวิชา แล้วก็จะมีการเชื่อมโยงไปยัง mdl_users เพื่อกำหนดผู้สอน, non-editing teacher, และผู้เรียน
mdl_course_category จะเก็บหมวดหมู่ของวิชา
mdl_course_modules เก็บ module ที่ใช้ในวิชา โดยรหัส module ได้จาก mdl_modules
mdl_course_sections จะเป็นการกำหนด section ว่าแต่ละบทมีรายละเอียดยังไงบ้าง อะไรอยู่บน อะไรอยู่ล่าง
ส่วนข้อสอบก็จะเป็นตารางขึ้นต้นด้วย mdl_question ครับ ปกติ Moodle ไม่มีเอกสารแสดงความสัมพันธ์แบบ ER Diagram ให้ครับ ต้องทำเอง ลองเขียนดูนะครับ ไม่เหลือบ่ากว่าแรงแน่นอนครับ มันจะมี Primary Key ให้สังเกตอยู่แล้ว แต่อย่านิ่งนอนใจ ทำเอาวันสุดท้ายก็แล้วกันครับ
บ่นมาอีกหลาย ๆ ทีก็ได้นะครับ ยินดีรับฟัง (จริง ๆ บ่นอะไรมาก็ได้ยินกันทั้งเว็บล่ะครับ)
อ่าค่ะ
ขอบคุณค่ะมากน่ะค่ะ งานนี้เรื่องยาวอีกแล้ว
ก็คงต้องดูอีกทีในรายละเอียดเกี่ยวกับแต่ละ table นั้นล่ะค่ะ
แต่ก็น่ากลัวจิง ๆ น่ะค่ะ เวลาทำอะไรวันสุดท้ายเนี่ย
ถ้าจะขอถามอย่างละเอียดไม่รู้ว่าจะเป็นการรบกวนกันเกินรึปล่าว
คืออยากจะขอให้ช่วยยกตัวอย่างการ อัพจากฐานข้อมูลให้ไปโชว์
ที่หน้าเว็บเลยน่ะค่ะว่าต้องกำหนดตารางไหน รายละเอียดอะไรบ้าง
อย่างจะเพิ่มคอสใหม่หรือคำถามใหม่สักข้อน่ะค่ะ
Moodle เขามีเครื่องมือให้แล้ว ยังจะพยายามจัดการ Database ด้วยตัวเองอีกนะครับ
การเพิ่มหมวดหมู่ใช้ตาราง mdl_course_categories
id | รหัส |
name | ชื่อหมวด |
description | รายละเอียด |
parent | หมวดใหญ่วิชา |
sortorder | ลำดับในการแสดงผล |
coursecount | จำนวนวิชาในหมวดนี้ |
visible | มองเห็นได้ |
timemodified | วันเวลาที่มีการแก้ไขครั้งสุดท้าย |
depth | จำนวนชั้น |
path | โครงสร้างหมวด |
ตัวอย่างการเพิ่มหมวด "คณิตศาสตร์"
INSERT INTO mdl_course_categories VALUES (0, "คณิตศาสตร์", NULL, 0, 0, 0, 1, 0, 1, "/1");
การเพิ่มวิชาในตาราง mdl_course
id | รหัสวิชา |
category | หมวดหมู่ |
sortorder | ลำดับ |
password | รหัสผ่าน |
fullname | ชื่อวิชา |
shortname | ชื่อวิชาสั้น ๆ |
idnumber | รหัสวิชา |
summary | รายละเอียดวิชา |
format | รูปแบบ |
showgrades | แสดงคะแนน |
... | |
defaultrole | สิทธิของรายวิชา |
ตัวอย่างการเพิ่มวิชา "คิดเลขเร็ว"
INSERT INTO mdl_course VALUES (0, 1, 2000, "", "คิดเลขเร็ว", "MATH001", "", "วิชาคิดเลขเร็ว", "topics", 1, .......);
ส่วนเรื่องคำถามจะซับซ้อนกว่านี้อีกครับ เริ่มจากไปสร้าง mdl_quiz แล้วก็มาสร้าง mdl_question เพื่อกำหนดโจทย์ ถ้าโจทย์เป็นแบบปรนัย ก็ใช้ mdl_question_multichoice หรือถ้าคำถามแบบถูกผิดก็ใช้ mdl_question_truefalse ส่วนการเฉลยก็จะใช้ mdl_question_answers
ซึ่งอันนี้ก็เหลือบ่ากว่าแรงมาก ๆ เลยล่ะครับ อันนี้แบบคร่าว ๆ นะครับ
ถ้าลึก ๆ ก็ต้องเกี่ยวกับ mdl_log ด้วย เพื่อจะบันทึกว่าใครทำอะไรกับวิชานี้บ้าง ผู้ดูแลระบบจะได้มาตรวจสอบในภายหลังได้
55 จำเป็นต้องจัดการน่ะค่ะ ท่านอาจารย์ เค้ารีเควสมา
เลยต้องลงลึกขนาดนี้ทั้งที่ไม่ถนัด
ช่วยแนะนำมาก็ขอบคุณมากแล้วค่ะ ที่เหลือคงต้อง
เคลียกันอีกยาว ขอบคุณน่ะค่ะ
งั้นจะขอถามอีกอย่างได้มั้ยค่ะ
คือถ้าเราจะอัพข้อสอบโดยมี 20 ข้อ แต่โชว์ให้นักเรียนทำแค่ 10
ข้อโดยเด็กคนต่อไปก็จะทำข้อสอบจากที่แรนด้อมมาจาก 20 ข้อนั้น
คือเด็กคนแรกก็จะทำข้อสอบไม่เหมือนคนที่สองน่ะค่ะ
พอมีวิธีมั้ยค่ะ
อย่างตัว คอสเนี่ยก็เคยลองอัพก่อนที่จะถามแล้วอ่ะน่ะค่ะ
แต่ว่าเค้าจะนับค่ะแต่ไม่โชว์หน้าคอสให้ ก็เลยกลุ้ม
ก็เลยอยากทราบว่าถ้าอย่างเราอัพจากฐานโดยตรงเนี่ย จะ
ไปโชว์ที่หน้าเพจได้เลยหรือปล่าวน่ะค่ะ
เดี๋ยวนี้มีการใส่รูปด้วยนะครับ ทำเป็น Hi5 ไปได้ \-_-/
ทำหัวข้อโปรเจคอะไรเหรอครับ ถ้าขอบเขตไม่ได้กว้างเป็นมหาสมุทรแปซิฟิกก็อาจจะต่อรองกับอาจารย์ได้นะครับ ว่าสิ่งที่ท่านขอมา อาจเป็นการทำร้ายลูกศิษย์ให้จบปี 5 ได้
ถ้าสถาบัน/อาจารย์มีการศึกษาวิจัย Moodle อยู่แล้ว ท่านคงอยากทดสอบว่าเขียนโปรแกรมติดต่อกับฐานข้อมูลเป็นหรือเปล่า แต่ถ้าท่านไม่รู้จัก Moodle ก็ยังไม่สายนะครับ ที่จะแนะนำให้ท่านรู้จักว่ามันคืออะไร
ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้วขอแนะวิชามารเลยละกันครับ เราสามารถเลียนแบบ Moodle ได้โดยเรียกฟังก์ชั่นของมันมาใช้ แทนที่จะต้องพัฒนาใหม่หมด เช่น การเพิ่มประเภทวิชาก็ดูจาก /course/
require_once("../config.php");
require_once("lib.php");
จากนั้นดูบรรทัดที่ 47-60 จะเป็นการเพิ่มหมวดหมู่เข้าไป โดยหมวดหมู่จะอยู่ในตัวแปรชื่อ $form->addcategory หรือ $newcategory->name แล้วก็เรียก insert_record() ขึ้นมาใช้งาน การเลียนแบบอาจจะเป็น
require_once("../config.php");
require_once("lib.php");
$newcategory = new object();
$newcategory->name = "คณิตศาสตร์";
$newcategory->sortorder = 999;
if(!insert_record('course_categories', $newcategory)) {
notify("เพิ่มหมวดไม่ได้");
}
else {
notify("เพิ่มหมวดเรียบร้อย");
}
แล้วทำโปรเจคเนี่ย ได้ตั้ง Timeline ไหมครับ ว่าตรงไหนจะเสร็จเมื่อไหร่
55 รูปเหรอค่ะใส่คราวที่แล้วไม่ขึ้นค่ะ แล้วก็ไม่ได้ดูเพิ่งรู้ตัว
เลยอัพใหม่ เดียวจะลองศึกษาและต่อรองกันอาจารย์ดูน่ะค่ะ
ก็คิดไว้อยู่เหมือนกันว่าถ้าวันนี้ไม่ได้เรื่องนี่จะต้องต่อรองกันสักหน่อยแล้ว แต่ท่านยังไม่น่าจะทราบว่าเป็น moodle น่ะค่ะ
เด๋วบอกไปแล้ว เด๋วสวนมาว่า ก็งานของเธอมันงานสองคน
จะชิว ๆ อย่างนี้ได้อย่างไร โฮฮ๊
จะลองดูน่ะค่ะ ขอบคุณค๊า
ถาม: ข้อสอบมี 20 ข้อ แล้วโชว์แค่ 10 ข้อ ส่วนคนนั่งข้าง ๆ ก็ได้ข้อสอบไม่เหมือนกัน
ตอบ: Moodle ทำได้อยู่แล้วครับ ดูการตั้งค่าแบบทดสอบนั่นแหละครับ
ถาม: คอสไม่โชว์
ตอบ: ดูการตั้งค่านะครับ ว่า Visible/การมองเห็น ตั้งค่าเป็นอะไร ถ้าเป็น "ซ่อน" ก็มองไม่เห็น หรือดูที่ลูกตาหลังชื่อวิชา ว่าลืมตาหรือหลับตา
ปล.ถามทั้งวันทั้งคืนแบบนี้ กินข้าวบ้างเน้อ เดี๋ยวเป็นลมเป็นแล้ง
คือคอสที่ว่าเนี่ยอัพจากฐานข้อมูลน่ะค่ะแล้วเห็นว่ามีการนับให้ในรูปที่โชว์แต่เราเข้าไปมันไม่มีไงค่ะ
ส่วนเรื่องถามนี่ก็ต้องขยันล่ะค่ะ รบกวนเกินไปรึปล่าวค่ะนี่
ถาม: คอสที่อัพจากฐานข้อมูลไม่โชว์
ตอบ: รบกวนเข้าไปในหมวด Miscellaneous แล้วแปะภาพมาอีกครั้งนะครับ ผมอยากรู้ว่าอีกวิชาที่ไม่ขึ้นหน้าตา "แก้ไข" มันเป็นอย่างไร
ถาม: ตาราง mdl_question มี stamp แล้วมันหมายถึงอะไร
ตอบ: stamp (และ version) จะเป็นหมายเลข Unique ID สำหรับคำถามที่ทางผู้พัฒนาใช้น่ะครับ เป็นการเรียกคำสั่ง make_unique_id_code() มาใช้ โดยฟังก์ชันนี้จะสร้างข้อความที่ขึ้นต้นด้วยโฮสต์ ตามด้วยวันเดือนปี ชั่วโมง นาที วินาที และจบด้วยการสุ่มตัวเลข 6 ตัว
เช่น ถ้าโฮสต์ที่ใช้เป็น www.moodle.com แล้วเพิ่มคำถามวันที่ 7 เดือนกรกฏาคม ค.ศ. 2007 เวลา 15:34.21 ก็อาจจะได้ข้อความแบบนี้
www.moodle.com+070731153421+Sz4ZRO
ทั้งนี้จะใช้ข้อความอื่นก็ได้ แต่ขอให้เป็น Unique ไม่ซ้ำกันก็พอครับ
ส่วนเรื่องอาจารย์เนี่ย ผมว่าโปรเจค 2 คนก็ไม่ได้เสียหายอะไรนะครับ ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์และขอบเขตของงานที่ทำ ถ้าทำ 2 คนเรื่องการติดตั้ง Moodle อันนี้ก็อาจจะโดนพี่ ๆ น้อง ๆ แถวนี้สวนได้ครับ (แต่ในต่างประเทศสามารถทำโปรเจคลักษณะนี้ได้)
ผมว่าน่าจะเรียนอาจารย์ตรง ๆ นะครับว่าใช้ Moodle แล้วก็แนะนำการใช้งานให้อาจารย์ทราบเลยว่าในส่วนของเนื้อหาเป็นอย่างไร, ในส่วนข้อสอบเป็นอย่างไร, การประเมินผลเป็นอย่างไร, และส่วนที่ทำเป็นโปรเจคอยู่ส่วนไหน
ผมว่าอาจจะเป็นประโยชน์ในภายภาคหน้าก็ได้ "เวลาสอบโปรเจค" เผื่อมีกรรมการคนนึงรู้จัก Moodle ขึ้นมา อาจารย์ที่ปรึกษาอาจเหวอได้ถ้าท่านไม่รู้ ตอนนี้ยังไม่มีภัย เราควรจะสามัคคีกันไว้ครับ เมื่อยามมีภัยอาจารย์ที่ปรึกษาจะได้ช่วยทัน
สุดท้าย ขอให้ตั้งมั่นในสิ่งที่ทำ อย่าหวั่นไหวกลางทาง อย่าสรุปว่ามันทำไม่ได้ถ้ายังไม่ได้ทำให้ถึงที่สุด ตอนทำอาจจะไม่รู้ว่าสิ่งที่ตัวเองทำจะไปไหวหรือเปล่า แต่ถ้าให้อาจารย์หลาย ๆ ท่านในนี้ได้ช่วยกันติชม ผมว่าบางทีโปรเจคที่ทำอาจจะมีประโยชน์กับวงการศึกษาของประเทศไทยก็ได้ อย่างไรก็ตาม ทำงานตามวัตถุประสงค์, ขอบเขต, และกรอบเวลาไว้ครับ ถ้าไม่เสร็จ หลาย ๆ คนในนี้ก็ช่วยไม่ได้ (*_*)