ทำนายสุดยอดเทคโนโลยี E-Learning ปี 2009

ทำนายสุดยอดเทคโนโลยี E-Learning ปี 2009

โดย Piriya Jennoppakarn -
Number of replies: 1

ทำนายสุดยอดเทคโนโลยี E-Learning ปี 2009

http://elearningtech.blogspot.com/2009/01/12-elearning-predictions-for-2009.html

1. การเรียนด้วยตัวเองโดยตรง (Self-Directed Learning)

วิกฤตเศรษฐกิจทำให้องค์กรต้องลดงบประมาณการฝึกอบรมที่ไม่จำเป็นลง การเรียนรูปแบบใหม่คือ Self-Directed Learning จะช่วยให้บุคลากรสามารถเรียนรู้ได้ต่อเนื่องด้วยตัวเอง โดยอาศัยการแนะนำเพียงเล็กน้อย

2. eLearning 2.0 โตขึ้น แต่กลยุทธการใช้งานล้มเหลว

การเรียนแบบ Self-Diercted Learning ควรทำโดยใช้เครื่องมือที่เป็น Web 2.0 ซึ่งเราจะเห็น eLearning 2.0 เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง เราจะเห็นการเติบโตอย่างรวดเร็วของการใช้ Wiki ในการนำเสนอข้อมูล การอภิปรายและ Social Network เพื่อเรียนร่วมกันก็จะยิ่งเติบโตขึ้นด้วย

ขณะเดียวกัน องค์กรที่กำลังวางแผนการใหญ่สำหรับ eLearning 2.0 จะก้าวไม่ทันองค์กรที่นำเครื่องมือง่าย ๆ ไปใช้

3. การเพิ่มขึ้นของ Social Learning Solution ของผู้บริโภค/สถานศึกษา จะเพิ่มแรงกดดันให้กับ Social Learning Solution ระดับองค์กร

ปี 2008 เป็นปีที่มีการนำเสนอเนื้อหาผ่านทางช่องทางต่าง ๆ มากมาย ตัวอย่าง Social Learning Solution เช่น เว็บช่วยทำการบ้านของ Cramster, CampusBug, Grockit, TutorVista, EduFire, English Cafe และอีกมากมาย

จะเกิดอะไรขึ้นถ้า 20% ของพนักงานรุ่นใหม่ ที่เพิ่งเรียนจบ บอกผู้บริหารว่าองค์กรน่าจะใช้เทคโนโลยีเหล่านี้บ้าง ผู้บริหารก็จะคิดว่าทำไมองค์กรไม่นำมาใช้

การเปลี่ยนแปลงที่เกิดกับผู้บริโภคจะเกิดขึ้นกับองค์กรแน่นอน

4. เรียนเร็ว & เครื่องมือ

ในภาวะวิกฤตเศรษฐกิจ ทุกคนต้องการชัยชนะอย่างรวดเร็ว คุณจะเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนได้อย่างไร? คำตอบของหลายองค์กร คือการลดต้นทุนและเพิ่มเครื่องมือ องค์กรจะไม่สอนวิธีสื่อสารทั้งหมด แต่จะสอนเฉพาะสิ่งที่สำคัญ และเป็นประเด็น

บริษัทที่ซื้อเนื้อหาเข้ามาจะหันไปหาเนื้อหาประเภทเรียนเร็ว เรียนลัด

5. ห้องเรียนเสมือน (Virtual Classroom)

คำนี้มีการพูดกันมานาน แต่ก็ยังมีคุณค่า การอบรมบางอย่างต้องทำแบบเห็นหน้า เช่น การสร้างทีม การสร้างทักษะส่วนตัว ซึ่งในปี 2009 เรื่องนี้จะกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง จุดขายคือการทำให้เหมือนกับอยู่ตรงหน้ากัน

อาจใช้ในการให้ความช่วยเหลือ หรือแลกเปลี่ยนประสบการณ์

6. ผู้ผลิตเครื่องมือจะครองตลาด Captivate, Articulate, Lectora, Camtasia

Captivate 4 เป็นเครื่องมือที่ยอดเยี่ยม Articulate เป็นชุดเครื่องมือที่ดีเยี่ยม Lectora จัดการชุดข้อมูลได้ยอดเยี่ยม และ Camtasia เก็บภาพหน้าจอได้ดีเยี่ยม ล้วนเป็นเครื่องมือที่ดี ส่วนผู้พัฒนาอิสระก็อาจทำได้ดีเหมือนกัน แต่ไม่ค่อยมีใช้อย่างแพร่หลายในวงการฝึกอบรม

7. เครื่องมือเฉพาะทางจะเกิดขึ้นเยอะ

แม้เจ้าใหญ่จะครองตลาด แต่ก็ยังมีโอกาสเห็นเครื่องมือเฉพาะทาง เช่น Learning Ware, Flash Quiz Tools, Poll, Survey หรือบางอย่างที่เหมือนกับ Harbinger Knowledge's Team Pod ที่จะสร้างความสนุกสนานในการเรียนได้

8. Wiki จะเพิ่มขึ้น - มีคนช่วยเขียนมากขึ้น - เรียนในห้องน้อยลง

การนำเสนอเนื้อหาผ่าน Wiki จะเพิ่มมากขึ้น คนเข้าเรียนจะน้อยลง

9. บุคลากรมีทักษะมากขึ้น

กระทู้เกิดเร็วขึ้น, ปัญหาเกิดการรับรู้เร็วขึ้น บุคลากรจะมาช่วยกันหาทางออก

ในปี 2007 เครื่องมือ Knowledge Worker Skill Gap เกิดขึ้นมา ต่อมาในปี 2008 เกิด Work Literacy เพื่อช่วยให้บุคลากรเพิ่มทักษะต่าง ๆ เช่น หาเพื่อน (Leveraging Network), ถามความเห็น (Network Feedback), หาผู้เชี่ยวชาญ (Finding Expertise), ใช้ Social Media ช่วยตอบคำถาม, เรียนผ่านการสนทนา, การค้นหา, การสแกน

ปี 2009 เป็นปีที่น่าสนใจ มีการพูดคุยถึง ASTD TechKnowledge ซึ่งจะทำให้เกิด Self-Directed Learning มากขึ้น

10. Mobile Learning โตขึ้น

ปีที่แล้ว Mobile Learning ได้รับความสนใจน้อยกว่าปกติ แต่หวังว่าปีนี้จะเพิ่มขึ้น เพราะมีโอกาสมากขึ้น เช่น
- Real-Time Poll ของ Poll Everywhere ที่สามารถใช้งานบนมือถือได้
- หางาน เว็บหางาน 30% รองรับการดูผ่าน iPhone
- Podcast/Vidcast
- Sale Challenge Scorecard เพื่อให้ทีมขายตื่นตัว

11. Micro Virtual Conference

การสัมมนาผ่านอินเตอร์เน็ตจะเพิ่มขึ้น เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง องค์กรต้องการให้ทำงานมากขึ้น 10% และใช้คนน้อยลง 10% ซึ่งทำให้ไม่มีเวลาเดินทางไปไหน

12. Data Driven

ภายใต้วิกฤตเศรษฐกิจ เครื่องมือแบบ Data Driven Performance Solution จะได้รับความนิยมมาก

In reply to Piriya Jennoppakarn

ตอบ: ทำนายสุดยอดเทคโนโลยี E-Learning ปี 2009

โดย Narudol Pechsook -

ตอนนี้เวลาผ่านมาถึง ปลายปีแล้วครับ ผมลองสรุปดูแนวโน้มที่ทำนายไว้ในแต่ละข้อ เพื่อที่เราจะใช้เป้นข้อมูลในการทำนายต่อในปี 2010 ครับ

1. การเรียนด้วยตัวเองโดยตรง (Self-Directed Learning)

วิกฤตเศรษฐกิจทำให้องค์กรต้องลดงบประมาณการฝึกอบรมที่ไม่จำเป็นลง การเรียนรูปแบบใหม่คือ Self-Directed Learning จะช่วยให้บุคลากรสามารถเรียนรู้ได้ต่อเนื่องด้วยตัวเอง โดยอาศัยการแนะนำเพียงเล็กน้อย

วิพากย์ จากข้อที่ 1 ผมเห็นว่า ด้วยพิษปัญหาเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นทำให้องค์กรหลายๆองค์กรในประเทศไทย ต้างปรับลดต้นทุนลง โยเฉพาะต้นทุนในการจัดการอบรมความรู้ที่เกียวเนื่องกับการทำงานให้แก่ พนักงาน ซึ่งผมมองว่า moodle สามารถช่วยลดตั้นทุนของการอบรมงานบางอย่างได้ อาทิ การอบรมเรื่องวัฒนธรรมองค์กร ซึ่งสามารถทำเป็นการจัดการเรียนการสอนผ่าน moodle ได้

2. eLearning 2.0 โตขึ้น แต่กลยุทธการใช้งานล้มเหลว

การเรียนแบบ Self-Diercted Learning ควรทำโดยใช้เครื่องมือที่เป็น Web 2.0 ซึ่งเราจะเห็น eLearning 2.0 เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง เราจะเห็นการเติบโตอย่างรวดเร็วของการใช้ Wiki ในการนำเสนอข้อมูล การอภิปรายและ Social Network เพื่อเรียนร่วมกันก็จะยิ่งเติบโตขึ้นด้วย

ขณะเดียวกัน องค์กรที่กำลังวางแผนการใหญ่สำหรับ eLearning 2.0 จะก้าวไม่ทันองค์กรที่นำเครื่องมือง่าย ๆ ไปใช้

วิพากย์ สำหรับข้อนี้ผมเห็นด้วยอย่างยิ่งครับ เพราะ ในปัจจุบันมีองค์กรมากมายที่ ไม่สามารถปรับตัวให้ทันกับ eLearning 2.0 ครับ ตรงนี้ถือว่าเป็นข้อได้เปรียบที่นัก ออกแบบ ID จะช่วยกันสร้างองค์ความรู้เพื่อ ช่วยในกระบวนการปรับตัวขององค์กร

3. การเพิ่มขึ้นของ Social Learning Solution ของผู้บริโภค/สถานศึกษา จะเพิ่มแรงกดดันให้กับ Social Learning Solution ระดับองค์กร

ปี 2008 เป็นปีที่มีการนำเสนอเนื้อหาผ่านทางช่องทางต่าง ๆ มากมาย ตัวอย่าง Social Learning Solution เช่น เว็บช่วยทำการบ้านของ Cramster, CampusBug, Grockit, TutorVista, EduFire, English Cafe และอีกมากมาย

จะเกิดอะไรขึ้นถ้า 20% ของพนักงานรุ่นใหม่ ที่เพิ่งเรียนจบ บอกผู้บริหารว่าองค์กรน่าจะใช้เทคโนโลยีเหล่านี้บ้าง ผู้บริหารก็จะคิดว่าทำไมองค์กรไม่นำมาใช้

การเปลี่ยนแปลงที่เกิดกับผู้บริโภคจะเกิดขึ้นกับองค์กรแน่นอน

วิพากย์ คำทำนายนี้เป็นจริง และคาดว่าจะยังคงเกิดขึ้นอีกในปี 2010

(เดี๋ยวมาวิพากย์ต่อครับ)